ดร.อัมมาร สยามวาลา กล่าวไว้ว่าอย่างไรเรื่องการจำนำข้าว คงไม่ต้องบอกใครๆก็ทราบวาทะอมตก ดีแต่โม้
อมตก จริงๆครับ ไม่ใช่อมตะ เพราะว่าตกแป้กเลยจริงๆ อาศัยการลอกเลียนคำกล่าวของ คุณผู้หญิงที่เป็นผู้นำผู้ใช้แรงงานชื่ออะไรจำไม่ได้ ขอโทษด้วย ท่านเป็นคนกล่าวคำว่า ดีแต่พูดเอาไว้ จนคนใช้กันทั้งบ้านทั้งเมือง
พอคุณอัมมารแกมาใช้บ้าง เปลี่ยนนิดๆหน่อยๆ ดัดแปลงน้อยๆ ดันไม่เกิดแฮะ
ทำไมไม่เกิด
หนึ่ง เพราะมันไม่ได้สอดคล้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริง รัฐบาลนี้บริหารมาได้ไม่ถึงเดือนในตอนที่คุณอัมมารพูด แต่ก็เริ่มต้นเดินหน้าไปแล้วหลายอย่าง
สอง วาทะ ดีแต่พูด มันดังมากเกินไป การลอกเลียนซ้ำเป็น ดีแต่โม้ คล้ายกับการทำการตลาดเลียนแบบ ยากที่จะชนะผู้ที่เป็นผู้นำในตลาดมาก่อนได้
ยกตัวอย่างเช่น ...ยกตัวอย่างยากจริงๆ เพราะไอ้ที่เลียนแบบกันมันก็ตายจากความทรงจำไปหมดแล้ว ขนมก็แล้วกันครับ ขนม โรตีบอย เป็นชื่อแรกในตลาดและทำให้เราจดจำได้อยู่ ในขณะที่ โรตีมัม ตายจากไปในความทรงจำไปแล้ว ในขณะที่ มิสเตอร์บัน แม้โปรดักส์คล้ายคลึงกัน แต่ด้วยการตั้งชื่อใหม่และวางตำแหน่งตลาดใหม่ทำให้ยังคงอยู่ได้ แม้ว่าด้วยกาลเวลา ทำให้โรตีบอยจากไปแล้วด้วยองค์ประกอบอีกมากมายที่มีผลให้เป็นเช่นนั้น แต่ว่าเราก็ยังจดจำชื่อได้อยู่ว่า โรตีบอย เคยเป็นชื่อที่หอมหวลขนาดไหน
ดังนั้นถ้าหากเราทำการตลาดเลียนแบบ คงต้องทำใจไว้เลยว่าไม่มีวันที่จะก้าวล้ำเกินหน้าคนที่เป็นผู้นำในตลาดมาก่อน แถมมีโอกาสสูงมากที่โปรดักส์จะประสบความล้มเหลว
ถ้าคิดจะปล่อยโปรดักส์ที่โดดเด่นออกมา คงต้องค้นหาความเป็นตัวของตัวเองให้ได้ก่อนอย่างอื่น
สงสัยว่า ตอนที่แกเรียนเศรษฐศาสตร์คงเน้นการเงินอย่างเดียว เลยไม่เข้าใจการตลาด
ถ้าไม่เข้าใจการตลาดมวลชน แล้วจะเข้าใจเรื่องดีมานด์ซัพพลายได้ถ่องแท้อย่างไร
คุณอัมมารกังวลว่า หนึ่งจะเสียส่วนแบ่งการตลาดให้เวียดนาม สองจะทำการระบายสินค้าที่มีในสต็อกได้อย่างไร
ถ้าเรากังวลเรื่องส่วนแบ่งตลาดที่เสียมากเกินไป เกรงว่าเรากำลังให้ค่าสินค้าในลักษณะวัตถุเพียงอย่างเดียว ไม่ได้มองที่คุณค่าของมัน แม้ว่าข้าวของเวียดนามจะเป็นข้าวที่มาแรงด้านราคา แต่คำถามว่าด้านคุณภาพในตลาดโลกมองกันอย่างไร มองเท่ากันหรือเปล่า หรือให้การประเมินด้านคุณภาพที่ต่างกัน สิ่งนี้จะทำให้ผู้บริโภคหยุดคิดและเลือกซื้อแตกต่างกัน แม้ว่าจะเป็นการกินข้าวเหมือนกันแต่การเสพสมรสชาดกลับแตกต่างกัน
และต้องไม่ลืมว่า ถ้าหากไทยดันราคาข้าวในตลาดโลกให้สูงขึ้น มีหรือที่ข้าวเวียดนามไม่ปรับราคา เคยเห็นน้ำมันราคาแพงขึ้นแล้วแกซโซฮอลไม่ปรับราคามั้ยครับ (มีบ้างแหละ แต่เดี๋ยวก็ปรับตามไม่นาน) เพราะดีมานด์ในตลาดมันมีอยู่ เมื่อของอย่างหนึ่งขึ้นอีกอย่างก็ขึ้นตาม ถามว่าเวียดนามพอใจมั้ยครับ ต้องพอใจแน่นอน และถ้าหากไทยกดราคาลงในอนาคตแต่คงความต่างเอาไว้ให้แพงกว่าในฐานะของที่ดีกว่า เวียดนามจะลดราคาพรวดไปที่เดิมเลยมั้ยครับ ไม่ครับ เพราะว่าเวียดนามได้คุ้นชินกับรายได้ที่ดีขึ้นไปแล้ว หากให้กดต่ำลงจะกระทบกับผู้เกี่ยวข้องหลายส่วน ถ้าเราไม่ถึงขนาดกดกันลงแบบตัดราคา เวียดนามจะไปปรับลงไปที่เก่า เอาง่ายๆคือ ถ้ารถเมล์ไม่ปรับราคาลงหลายบาท ต่อให้น้ำมันลดราคาวินมอไซต์ก็ไม่ลดราคา คล้ายๆกัน
ลองมองดูโมเดล ค่ายมือถือ ก็ได้ครับ เอไอเอส ยังคงราคาสูงไว้กว่าคู่แข่งในตลาด แต่ยังมีคนใช้และจำนวนคนใช้ก็เพิ่มขึ้น เพราะว่าคุณภาพดีกว่า ดังนั้นไม่จำเป็นต้องไปตัดราคาให้เสียราคากันเองในตลาด
ปล่อยให้ทรูเน้นถูก และดีแทคเน้นต่อยรัวตัดกำลัง ไป เพราะมันไม่จำเป็น
คนใช้ก็ยังต้องใช้ ในบางพื้นที่ยิ่งไม่สิทธิ์เลือก ในบางธุรกิจยิ่งไม่ต้องการเสี่ยงกับคุณภาพเพราะความเสถียรแม่นยำเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าหากคิดอย่างคุณอัมมารป่านนี้ เอไอเอส เหลือนาทีละสิบสตางค์แข่งกับคู่แข่ง แล้วได้ฐานกว้างขึ้น ฆ่าคนอื่นตายหมด แต่กำไรลดลง ทำไปทำไม
โมเดลลดราคาลงเพื่อให้ได้กำไรมากขึ้นไม่ใช่ไม่จริง ไม่ใช่ไม่มีแต่มันน่าจะเข้ากับโมเดลที่มีผู้เล่นในตลาดนับร้อยนับพันมากกว่า ผู้เล่นในตลาด สองสามราย เสียของครับ
เหตุผลเดียวคือ ตลาดมีความต้องการมากกว่าสิ่งที่มีอยู่ เพราะคนในโลกนี้ต้องกินข้าว ไม่กินคุณจะไปกินหัวมันก็ได้นะ แต่มันไม่ดีเท่าข้าว เอามั้ยล่ะ
ประชากรกำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นความต้องการข้าวไปรับประทานไม่มีทางน้อยลง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องไปกังวลว่าสต็อคจะระบายไม่ได้แต่อย่างใด
กับคำถามที่ลึกว่า แล้วรัฐบาลต้้งใจจะทำอย่างไรกับสต็อคข้าวในสองปีข้างหน้า นี่เป็นคำถามที่เร็วเกินไปมาก และเป็นคำถามที่เกี่ยวพันกับกลยุทธ พัวพันกับสิ่งที่เรียกได้ว่า ซัพพลายเชนสเตรทตีจี
ถ้าถามว่าปีหน้าสยามวาลาจะนำผลิตภัณฑ์ตัวใหม่อะไรเข้าตลาด คุณอัมมารก็คงไม่ชอบ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมว่าอย่าเพิ่งถามดีกว่า
ลองคิดกันเล่นๆครับ คุณอัมมาร ผมว่าถ้าเขาเชิญคุณอัมมารไปวางแผนการตลาดข้าว แล้วพอออกจากห้องประชุมปุ๊บ นักข่าวถามคุณบอกหมดเลย คู่แข่งรู้หมด อย่างนี้ไม่เรียกว่าดีแต่โม้ หรอกครับ
แถวบ้านผมเขาเรียก ขี้โม้ ต่างหาก