เมืองไทยไม่น่าเลย!: กรกฎาคม 2011

วันเสาร์, กรกฎาคม 23, 2554

ปัญหาชวน(ปวด)หัว ของการยุบพรรคการเมือง

ว่ากันเรื่องเบาๆ

สมมตินะครับสมมติ สมมติว่าผมมีสิทธิยุบพรรค แล้วก็ยุบพรรคกันให้เกลี้ยงประเทศเลย
มันจะมีปัญหาเรื่องอะไรก่อน

จะมีปัญหาก็เรื่องชื่อพรรคนี่แหละ ลองยุบพรรคประชาธิปัตย์ดู
ชื่อใหม่เขาจะเป็น ประชาธิปัตย์พัฒนา หรือว่า ประชาธิปัตย์พัฒนาชาติเพื่อแผ่นดิน อันนี้มันจะยุ่งกันใหญ่

ประชาชนจำกันไม่หวาดไหว

ประชาธิปัตย์ยังไม่เท่าไหร่ ผมละสงสาร คุณบรรหาร ชื่อต่อไปจะยาวแค่ไหนละเนี่ย
ชาติไทยพัฒนาเพื่อไทยก้าวหน้า (เลยไม่รู้ว่าเป็นชื่อเชียร์พรรคอื่นหรือเปล่า ปัญหาก็คือ พอมีใครตั้งชื่ออะไรขึ้นมา แบบว่า แนวๆ เพื่อนั่นเพื่อนี่ พัฒนานั่นพัฒนานี่ ที่เหลือก็ชักจะคิดกันไม่ออก ก็ต้องมี เพื่อ บ้าง แผ่นดิน บ้าง พัฒนา บ้าง ตามๆกันไป)
ยิ่งถ้าไปรวมกับ พรรคชาติพัฒนาเก่าของคุณสุวัจน์ ที่ตอนนี้เป็นชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดีน โอ้โห ไม่จืด ประมาณว่า
ชาติไทยพัฒนาชาติเพื่อแผ่นดิน
หรือถ้าเกรงใจกัน พัฒนาชาติไทยเพื่อแผ่นดิน เอาพัฒนาขึ้นก่อนจะได้ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกัน
แล้วตอนนี้กระแสพรรคขนาดกลางถึงเล็กเพื่อท้องถิ่น SMP ก็ต้องสื่อถึงภาคกลางด้วย
พัฒนาชาติไทยเพื่อแผ่นดินภาคกลาง
เอาให้ชัด
พัฒนาชาติไทยเพื่อแผ่นดินสุพรรณยันโคราช

ง่า...ยัน ไม่ค่อยเพราะนะ เอาเป็น

พัฒนาชาติไทยเพื่อแผ่นดินสุพรรณจรดโคราชพาดพิษณุโลก
เอาให้เคลียร์

ส่วนถ้าคุณชูวิทย์อยู่คนเดียวไม่ไหวแล้ว ไปรวมกับ พลังชล และ รักสันติ เข้า
พลังชูวิทย์เพื่อชลรักสันติ (คุณปุระชัยต้องมาทีหลังครับ ศักดิ์ศรีมันต่ำกว่าเขา แต่ทั้งพรรคนี้ก็จะชูคุณปุระชัย เป็นนายกนี่แหละ)
แซวกันเล่นนะ อย่าคิดมาก
ปัญหาเดียวคือถ้าเกิดเพื่อไทย ไปรวมกับ คุณบรรหาร คุณสุวัจน์ แล้วดันกลับไปจูบปากคุณเนวิน ใหม่ อะ อย่าเพ่อว่าเว่อร์ไป ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวรนะครับในการเมือง

เพื่อไทยพัฒนาชาติไทยแด่แผ่นดินไทยด้วยความภาคภูมิใจบุรีรัมภ์เอฟซี อ๊อดๆ

เอาให้ กกต มึนไปเลย ตอนออกแบบบัตรเลือกตั้ง

งบบานเป็นสองเท่า สะใจ

วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 21, 2554

ก็แค่คนไม่กี่คน

ก็แค่คนไม่กี่คน

แม้ว่าเรื่องมันจะจบไปแล้ว ที่แขวนไว้ก็ได้ปลดลงมาเรียบร้อยแล้ว

แต่มาลองทบทวนดูกันสักนิด

นาทีแรกที่ได้ยินเรื่องแขวนชื่อ คุณยิ่งลักษณ์ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร ยิ่งมาคู่กับคุณอภิสิทธิ์ ถึงจะรู้สึกว่าต่อให้โดนพร้อมกันความบาดเจ็บก็ไม่เท่ากัน ไม่แปลกใจด้วยที่คุณอภิสิทธิ์ออกมาพูดเชิงปกป้องว่าใครๆก็ทำกันทั้งนั้นไอ้การทำอาหารช่วงเลือกตั้ง เพราะเรื่องมันไม่หนักหนาจริงๆ มันไม่เท่าไหร่ แต่เท่าที่ทราบที่จะหนักกันจริงๆ คือแคมเปญโดนใจคนส่วนใหญ่ ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ

พอได้ยินอย่างนั้น คำถามในใจจึงเกิดขึ้นมากมาย

เริ่มแรกสุด นี่มันเป็นระบบการปกครองแบบไหนกัน ที่ปล่อยให้คนไม่กี่คน หยุดประเทศไว้ได้ ผมไม่ได้กำลังพูดว่าใครผิดใครถูกนะครับ นั่นมันอีกเรื่องหนึ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า กกต.ท่านเป็นคนดีหรือไม่ดี เอาเป็นว่าไม่เกี่ยว เพราะว่าถ้าไม่ใช่เรื่องที่ขาวดำชัดเจนแล้วละก็ ดีไม่ดีมันอยู่ที่ใจเรา ถูกใจก็ว่าดี ไม่ถูกใจก็ว่าไม่ดี ธรรมดาโลก

แต่ว่าระบบนี้ให้โอกาส กกต มีอำนาจที่จะ แขวน ใครก็ได้ โดยที่ไม่ต้องมีความเห็นชอบจากใคร ไม่ต้องมีพยานโจทย์หรือพยานจำเลยให้วุ่นวาย ไม่ต้องเรียกใครสอบปากคำ แค่เห็นมากกว่าในจำนวน กกต ไม่กี่คน ย้ำ ไม่กี่คน ก็ทำได้แล้ว

จะให้ใบเหลืองใบแดง ในวาระอะไรก็ได้ ถ้าหากให้ไม่เหมือนกัน วินิจฉัยไม่เหมือนกันก็ได้ ก็มันแล้วแต่ว่าใน กกต เอง มีคนยกมือเห็นด้วยเกินจำนวนหรือเปล่า

มันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นจริงๆหรือ

เรากำลังพูดถึง คนที่ถูกเลือกมาหลายสิบล้านคน กับคนที่ถูกแต่งตั้งมาจากคนไม่กี่คน ถ้าให้ชั่งน้ำหนัก มาตราวัด

1 กกต เท่ากับ 10 ล้านประชาชน โอ้โห มันโก้จริง

คำถามที่สอง

ถ้ายิ่งใหญ่อย่างนั้น มีอำนาจอย่างนั้น ทำไม ไม่ให้ใบแดงแต่แรกเล่า มารออะไรตอนนี้

ทำไมระบบนี้จึงมอบใบแดงให้กับคนที่เขาเลือกกันมาเสร็จแล้ว จะเลือกตั้งกันให้เสียงบประมาณทำไม ถ้าเขารู้ว่าใบแดงแน่แล้ว ก็ตัดสิทธิกันไปเลย ไหนๆก็ไหนๆเอาให้มันยิ่งใหญ่ให้ถึงที่สุด มันจะมีประโยชน์อะไรที่ไปรอจนจบกระบวนการ ไม่เข้าใจ

สมมติ ว่า นาย ก ถูกร้องเรียนว่า ซิ้อเสียง มีหลักฐาน เอ บี ซี มาสำแดงแต่แรก ก็ตัดสิทธิไปเลย ไม่ให้ซ่อมด้วย ไหนๆก็ใหญ่แล้ว เขาจะได้หาคนใหม่มาลงเลือกตั้งกันไป ไม่ต้องเสียงบประมาณสองรอบ

เพราะมีมากมายที่ ให้ใบแดงไปแล้ว ก็ไปลงวัดกันใหม่ แล้วจะให้ไปทำไม

เดี๋ยวก็ได้กลับมาอีก

จะมีอำนาจก็มีไปเลย ไม่มีก็ไม่มีไปเลย ให้มันรู้กันไปว่าจะยืนระบบนี้ไปได้นานแค่ไหน

นี่ไม่ได้เชียร์ให้มีนะครับ อย่าเข้าใจผิด แต่ถ้าจะหนุนกันให้ใหญ่จริงๆก็ให้มันเต็มที่ไปเลย

เวลาล้างระบบกันจะได้ ขุดให้ถึงราก ถอนให้ถึงโคน

คำถามที่สาม

กกต มีเพื่ออะไร

เพื่อการเลือกตั้งอันบริสุทธิ์ยุติธรรม ใช่หรือไม่ ขอบเขตอำนาจ มีแค่ไหน (จะเป็นคำถามที่สี่อยู่แล้ว)

แล้วแคมเปญ ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ นี่มันเรื่องอะไร

ทุจริตหรือเปล่า ก็ไม่ใช่ แล้ว กกต ไปยุ่งอะไร

มันน่าจะเป็นเรื่องของศาลไม่ใช่หรือ แล้ว กกต ไปแขวน เขาไว้ด้วยเรื่องนี้ทำไม

แขวนเรื่องผัดหมี่ยังเข้าท่ากว่า ผมว่า

พี่ชาย น้องชาย มายุ่งเกี่ยวกับการหาเสียง มันทุจริตตรงไหน หรือว่า กกต มีสิทธิ ยุบพรรค ไปแล้ว นั่นมันไม่ใช่เรื่องของศาลรัฐธรรมนูญหรือครับ

อย่างนี้ ถ้าจะโดนกันหมดทั้งซีกที่ว่าจะเป็นรัฐบาล เพราะมีคนที่โดนตัดสิทธิทางการเมือง มายุ่งกันทั้งนั้น

และถ้าเป็นเรื่องของศาลจริง ผมว่า ประชาธิปัตย์ก็จะเข้าข่ายด้วยนะ เพราะคุณอภิสิทธิ์กับคุณเนวินก็ติดต่อกันอยู่ ถ้าบอกว่าไม่ชัดละก็ เอาเป็นว่าชัดๆ ก็คุณสุเทพ น่ะแน่แน่

อย่าบอกว่าลาออกแล้ว มันไม่เกี่ยว จำได้มั้ยครับว่าตอนพรรคอื่นๆเขาก็โดนย้อนหลังกัน

เอากันให้หมดบ้านเมืองไปเลย ว่ากันใหม่หมด

ว่ามาทั้งหมดนี่ คือ ยังไม่เห็นเลยว่า กกต ไปเกี่ยวกับเขาตรงไหน

สรุปว่า ผมจะไปหาอ่าน หน้าที่ กกต (ไม่รู้จะมีสิบอย่าง เหมือน เด็กเอ๋ยเด็กดี หรือเปล่า)

แล้วก็ กฏหมายว่าด้วย การตัดสิทธิทางการเมือง เอาให้ละเอียดสักที จะได้หายข้องใจ

วันจันทร์, กรกฎาคม 04, 2554

เพื่อไทยชนะ = ...โน่น นี่ นั่น ...(มันไม่แน่)

แล้ววันเลือกตั้งก็ผ่านพ้น ประเทศไทยถูกคาดหวังว่าต้องเดินหน้าต่อ
แต่ทว่าสัญญาณอันตรายยังไม่ผ่านพ้นไป ยังต้องจับตาการฟอร์มทีมรัฐบาล
จับทำไม ทำอะไรได้ เราทำอะไรไม่ได้ อันนี้ประชาชนต้องรับความจริง ความจริงที่ว่าวันที่เรามีสิทธิมีแค่วันเดียว วันต่อมาเป็นวันของเขาแล้ว เพราะสิทธิที่เรามีเราได้มอบให้เขาไป
แต่เราจับตาเพื่อดูทางหนีทีไล่ของตัวเอง
จึงต้องรอดู ไม่ว่าจะชอบใจหรือไม่ก็ตาม แต่นี่คือทิศทางที่เกิด
พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคที่มีคนชอบมากกว่า บางคนไม่ชอบแต่ก็เลือก
ทำไมหรือ
เพราะคำตอบง่ายๆ ไม่ชอบอีกฝ่ายมากกว่า
ดังนั้น ขอให้ทุกฝ่ายระลึกถึงความต้องการนี้ในใจ เสียงที่ให้ไปไม่ได้บอกว่าเพื่อไทยทำอะไรก็ได้ แต่เสียงที่ได้ไปมีความหมายอันแน่นอนว่า ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ
ขอให้ตระหนักไว้ให้ดี ทั้งสองฝ่าย
เพื่อไทยก็ตกสวรรค์ได้ถ้าไม่เข้าใจ เหมือนที่ประชาธิปัตย์ตกสวรรค์มาแล้วเพราะไม่เข้าใจ
ไม่เข้าใจว่าการเมืองภาคประชาชน ซับซ้อนเกินกว่าตรรกะเดิมๆสามารถนำมาใช้ได้
การสื่อสารระหว่างบุคคลมันกว้างไกลจนคุณไม่สามารถกะเกณฑ์นั่นนี่ได้อีกต่อไป
ดังนั้นหากเพื่อไทยอ้างความเห็นชอบหรือที่ชอบเรียกว่าฉันทามติ ในความเห็นส่วนตัวผมแล้ว ฉันทามติไม่มีจริง เพราะความซับซ้อนของสังคมและปัจเจกบุคคลมันไกลเกินกว่าทำความเข้าใจได้ถ่องแท้ สิ่งที่เป็นตัวแทนที่แท้จริงในวันนี้ให้พอจับต้องได้เราควรเรียกมันว่า สถิติ จะใกล้เคียงกว่า
ยกตัวอย่างเช่น คนที่กาให้พรรคเพื่อไทย เพราะสาเหตุการล้อมปราบอาจมีเป็นจำนวนมาก แต่คนกลุ่มเดียวกันนี้อาจไม่เห็นด้วยกับการประนีประนอมกับเขมร แต่ก็ยังยินดียกคะแนนให้เพื่อไทยมากกว่า เพราะระหว่างการยอมรับให้เกิดการยอมความกับเขมรกับการต้องทนเห็นคนมากมายตายเปล่า สู้ยอมให้ญาติดีหรือเป็นเบี้ยล่างทางการเมืองระหว่างประเทศยังดีกว่า อย่างน้อยการค้าชายแดนจะได้ไม่มีปัญหา
ดังนั้นระหว่างบุคคลต่อบุคคลมีเหตุผลในการยอมรับแตกต่างกัน เราจึงไม่สามารถทึกทักเอาได้ว่า
คนเลือกเพื่อไทยแล้ว = คนอยากให้คุณทักษิณกลับมา
คนเลือกเพื่อไทยแล้ว = คนอยากให้คุณทักษิณได้เงินคืน
คนเลือกเพื่อไทยแล้ว = คนอยากได้ค่าแรงเพิ่มขึ้นเป็น 300 บาท (ในขณะที่ข้าวจะมีราคาจานละ 45 บาท)
คนเลือกเพื่อไทยแล้ว = คนยอมรับว่ารูปแบบการชุมนุมของคนเสื้อแดงเป็นสิ่งถูก
สมการเหล่านี้ไม่สามารถใช้ได้จริง เพราะแต่ละคนมีมุมมองที่คล้ายคลึงแต่แตกต่าง
ลองมาดูสมการนี้บ้าง
คนเลือกเพื่อไทยแล้ว =คนไม่อยากได้อภิสิทธิ์เป็นนายก
คนเลือกเพื่อไทยแล้ว =คนไม่เห็นว่ารัฐบาลที่แล้วทำดีแล้ว
คนเลือกเพื่อไทยแล้ว =คนไม่เห็นว่ารูปแบบการหาเสียงของประชาธิปัตย์เป็นเรื่องที่น่าคล้อยตามหรือสมควรเห็นดีเห็นงามด้วย
สมการข้างหลังจะเป็นจริงมากกว่าเพราะไม่ต้องใช้เวลาหาเหตุผลรับรองหลายชั้น
และแน่นอนว่าถ้าจะบอกว่า
คนเลือกเพื่อไทยแล้ว =คนไม่รักทหาร ไม่เห็นคุณค่าของทหาร
ย่อมเป็นสมการที่คลุมเครือไม่ถูกต้อง
แต่ถ้าจะบอกว่า
คนเลือกเพื่อไทยแล้ว =คนไม่สนใจสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ชี้นำก่อนการเลือกตั้ง
อันนี้จึงเป็นความจริงมากกว่ามาก

ดังนั้นต้องแปลดีๆนะครับ อย่าเหมารวม สองโหลบาทเดียว

แต่ว่าก็ว่าเถอะ ผมว่า เรื่องนี้เพื่อไทยเข้าใจ และใช้มันอยู่ ในขณะที่ประชาธิปัติย์ไม่เคยเข้าใจ
ชอบคิดเองเออเอง ถึงได้แพ้