เมืองไทยไม่น่าเลย!: คิดดีได้ สังคมก็ดีเอง

วันจันทร์, กันยายน 11, 2549

คิดดีได้ สังคมก็ดีเอง

ไม่ได้เขียนซะนานมากครับ
เพราะตั้งใจว่าตั้งแต่งานพระราชพิธีของล้นเกล้าล้นกระหม่อม
ผมจะถือว่าคนไทยรักกัน เราก็รักกันเลยไม่อยากจะเป็นหนึ่งในคนสุมไฟทั้งหลาย
ดังนั้นแล้วจะของดเขียนถึงเรื่องการเมือง พาดพิงอาจมีบ้าง แต่หลักๆนั้นผมอ่านและฟังคนอื่นดีกว่า
เรื่องติดใจของ ณ วันนี้คือ หันไปทางไหนทำไมมีแต่คนบ่นกันมากนัก หาคนเสนอทางแก้ไม่ค่อยจะเห็น
เมืองไทยเราเลย มองไปทางไหน ก็มีแต่เรื่องไม่ดีมาพูดกัน
ไทยเราก็มีคนเก่งๆเยอะ เสียแต่ขี้บ่นไปหน่อย ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้เก่งแต่ก็บ่นเก่งเหมือนกัน และพยายามที่จะไม่บ่นเฉยๆแต่จะคอยมองว่ามีอะไรที่จะเป็นทางออกได้บ้างทุกๆครั้ง เรียกว่าพยายามฝึกฝนไปในตัว
ถ้าจะหยิบยืมคำฝรั่งมาใช้ นั่นก็คือเรามักจะเห็นแต่ปัญหา หรือ Problem
ในขณะที่ฝรั่งบางชาติ(ไม่ทุกชาติไปนะครับ) เรียกมันว่า Challange สิ่งที่ท้าทายหรือโอกาส
สิ่งที่ยังไม่ดีนั้น ฝรั่งบางชาติเรียกมันว่า โอกาส เพราะนั่นหมายถึงว่าเรามีสิทธิที่จะทำได้ดีกว่านี้ในวันพรุ่งนี้
แต่ถ้าเราเห็นว่ามันเป็นปัญหาอยู่ร่ำไป มันก็จะเป็นปัญหาอยู่อย่างนั้น
เราอาจจะหาวิธีแก้ปัญหา แต่นั่นก็หมายถึง เรามักจะแก้แต่ปัญหาตรงนั้น
แต่ปัญหาเดียวกัน ฝรั่งบางชาติ อาจจะทำให้มีประโยชน์เพิ่มเติมขี้นมาเมื่อแก้สำเร็จ สร้างเป็น Value added ขี้นมา
ไม่ได้นิยมฝรั่งหรอกครับ แต่เดี๋ยวนี้มัน ก็อปบรรลัยเซชั่นกันทั่วไป ให้เกร่อ ใช้คำภาษาอังกฤษบางครั้งก็เป็นที่เข้าใจง่ายดี
จริงๆแล้วก็ไม่ได้คิดว่ามันแตกต่างอะไรหรอกครับ จะหัวแดงหัวทองมันก็คนเหมือนกัน แต่มันก็ต้องยอมรับว่าเขาก็มีคนเก่งๆอยู่มาก
ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าเรามีสุดยอดกูรูทางปัญญาอยู่แล้ว แล้วแทบจะเรียกได้ว่า ใกล้ชิดกว่าทุกชาติทุกภาษา
แต่บางทีคนไทยเราพอใกล้เกินไปก็ห่างเต็มทีไปในตัว นั่นก็คือ พระพุทธเจ้า ของชาวพุทธนั่นแหละครับ
ทั้งไอ้เรื่อง THINK POSITIVE ทั้ง เทคนิคการจัดการ จริงๆมันก็อยู่ในหลักธรรมทั้งนั้นแหละครับ
เพียงแต่เราไม่ได้สนใจไปดูเองว่ามีของดีอะไรบ้าง
ช่วยกัน THINK POSITIVE เถอะครับ ถ้าไม่เชื่อฝรั่ง ก็เชื่อธรรมะของพระพุทธองค์กันก็ได้ครับ

ไม่มีความคิดเห็น: